โดราเอมอน เดอะมูฟวี่ โนบิตะล่าโจรปริศนาในพิพิธภัณฑ์ของวิเศษ (のび太のひみつ道具博物館(ミュージアム) โนบิตะ โนะ ฮิมิสึโดวกุ มิวเจียอะหมุ) เป็นโดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ ลำดับที่ 33 เข้าฉายในประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2013 และในไทยวันที่ 17 ตุลาคม 2013
สำหรับตอนนี้ใช้คำโปรยภาพยนตร์ว่า "DORAEMON THE SECRET 2013" "ความฝันของทุกคนจะเป็นจริง เมื่อมาถึงพิพิธภัณฑ์แห่งนี้" (ここに来ると、夢はかなう)
เนื้อเรื่องย่อ[]
เป็นเรื่องเกี่ยวกับโดราเอมอน ที่ได้รู้ว่ากระดิ่งของตัวเองถูกจอมโจรลึกลับขโมยไป จึงต้องออกตามหา โดยรู้ว่ากระดิ่งของตนอยู่ที่ พิพิธภัณฑ์ของวิเศษ จึงได้ออกไปตามหาที่นั่น และก็ได้พบกับ เคิร์ธ ฮาร์ทแมน ไกด์ของพิพิธภัณฑ์ และเพื่อนๆจะต้องไขปริศนาให้ได้ว่า ใครกันแน่ที่ขโมยกระดิ่งของโดราเอมอนไป
เนื้อเรื่องอย่างละเอียด[]
กระพรวนของโดราเอมอนหายไป![]
เปิดเรื่อง จอมโจรลูแปงจะมารับของสำคัญของหอศิลป์เวลาเที่ยงคืน โดยปลอมตัวเป็นผู้อำนวยการหอศิลป์ เมื่อถึงเวลาแล้วเขาได้ทำให้โคมไฟระย้าร่วงลงมาที่พื้นและขโมยของชิ้นสำคัญไป แต่ "เชอร์ล็อก โนบิตะ" อยู่ข้างบน และจะตามจอมโจรลูแปงไปแต่ล้มลงมาซะก่อน ทั้งหมดเป็นความฝันของโนบิตะในห้องเรียน เพื่อน ๆ นึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานมีภาพยนตร์เชอร์ล็อก โฮล์มส์ ฉายทางทีวี และโนบิตะอยากเป็นแบบนั้นบ้าง แต่ไจแอนท์และซึเนะโอะไม่เชื่อใจและล้อเลียน ที่บ้าน โดราเอมอนเข้าไปนอนหลังจากกินโดรายากิเสร็จ ต่อมาโนบิตะกลับมาบ้านและพบบัตรปริศนาที่เขียนด้วยตัวอักษร D และ X จากนั้นมีมือปริศนามาดึงกระพรวนของโดราเอมอนไป และมารู้ตัวทีหลังว่ากระพรวนถูกขโมยไปแล้ว
กระพรวนของโดราเอมอนเป็นของที่สำคัญมากและเป็นของในความทรงจำในความหลัง ไม่สามารถทดแทนด้วยของใหม่ได้ แม้กระพรวนจะเสียก็ต้องซ่อม แม้ว่าจะใช้ของอื่น ๆ มาทดแทนก็ไม่สามารถแทนได้ และถ้าไม่มีกระพรวนก็จะทำท่าเหมือนแมว และแน่นอน โนบิตะต้องการเป็นนักสืบอย่าง เชอร์ล็อก โฮล์มส์ เลยขอของวิเศษที่ทำให้เป็นอย่างนั้น โดราเอมอนจึงเอา ชุดเชอร์ล็อกโฮล์มส์ มาให้ใส่ แต่อุปกรณ์บางอย่างภายในชุดมันพังแล้ว ยกเว้นหมวกที่ทำให้สมองใสขึ้นมาทันที เมื่อดีดหมวกแล้วก็สามารถรู้คำตอบว่าผู้ขโมยเป็น จอมโจร DX (ดีลักซ์) แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร และแว่นขยายหาเบาะแสบอกว่ากระพรวนอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ของวิเศษ ซึ่งโดราเอมอนรู้ว่าโดรามีมีตั๋วไปพิพิธภัณฑ์ โดรามีเสนอว่าให้ซื้ออันใหม่ แต่โดราเอมอนไม่เอา โดรามีจึงให้เลมอนไปติดแทนกระพรวนก่อน และต้องแลกขนมปังเมลอน 20 ชิ้นเพื่อตั๋วไปพิพิธภัณฑ์ จากนั้นโนบิตะไปชวนเพื่อน ๆ ไปพิพิธภัณฑ์ เพื่อไปหากระพรวนด้วย โดยเมื่อโดราเอมอนลงทะเบียนโดยการเขียนชื่อบนตั๋วแล้ว ตั๋วได้แปลงสภาพเป็นไทม์แมชชีนสำหรับไปพิพิธภัณฑ์ของวิเศษโดยเฉพาะ โดยสามารถไปได้ 5 คน ระหว่างที่ไม่มีกระพรวนโดราเอมอนทำท่าเหมือนแมวเพราะกระพรวนมีเอาไว้ปรับพฤติกรรมไม่ให้เป็นเหมือนแมวจรจัดนั่นเอง
ไทม์แมชชีนพามายังโลกศตวรรษที่ 22 โดยพิพิธภัณฑ์ของวิเศษอยู๋บนเกาะที่อยู่ในทะเล โดยรอบ ๆ เป็นบ้านพักของผู้วิจัยของวิเศษ ส่วนพิพิธภัณฑ์อยู่ตรงกลางเกาะ เมื่อมาถึงพิพิธภัณฑ์แล้วไทม์แมชชีนก็แปรสภาพกลายเป็นตั๋วเมือนเดิม ขณะนั้นเอง เคิร์ธ ไกด์นำเที่ยวพิพิธภัณฑ์ของวิเศษ พบผู้อำนวยการไฟคัส เพื่อมาเสนอของวิเศษชิ้นใหม่ (มาจากการอู้งานไกด์นั่นเอง) กุ๊กกรู ที่เมื่อพูดว่า "จงบิน" จะสามารถบินได้ แต่ไม่สามารถทรงตัวได้ เมื่อผู้อำนวยการเห็นตั๋วบนมือของโดราเอมอนแล้วก็กล่าวต้อนรับ และให้เคิร์ธนำเที่ยวพิพิธภัณฑ์ ผู้อำนวยการปรามาสเคิร์ธว่าของวิเศษของเขาไม่สามารถจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ได้แน่นอน ต่อมาโดราเอมอนบอกวัตถุประสงค์ว่าที่มาเพราะกระพรวนถูกขโมยโดยจอมโจร DX (ดีลักซ์) ซึ่งวันก่อนหน้าได้มาขโมยไฟฉายขยายส่วนเช่นกัน
เดินเที่ยวพิพิธภัณฑ์[]
เคิร์ธได้นำเที่ยวพิพิธภัณฑ์ โดยโถงทางเข้าได้จัดแสดงประตูไปที่ไหนก็ได้บานแรก และมีประตูที่สามารถเชื่อมไปที่หอต่าง ๆ ได้ และที่ห้องโถงทางเข้าได้มีรูปปั้นของดอกเตอร์ฮาร์ทแมนซึ่งเป็นผู้คิดค้นของวิเศษในยุคใหม่ ต่อมามีเครื่องส่งสัญญาณติดอยู่ที่ทุกคนเพื่อให้สามารถติดตามแขกและเจ้าหน้าที่ทุกคนได้ เมื่อประตูไปที่ไหนก็ได้เปิดออก พวกเขาได้เข้ามายังหอหุ่นยนต์ที่รวบรวมของวิเศษประเภทหุ่นยนต์ทั้งหมด ทุกคนสนุกกับหุ่นยนต์หลากหลายชนิด รวมถึงหุ่นก๊อปปี้ ต่อมาโดราเอมอนได้ยินเสียงกระพรวนจึงตามเสียงไป และพบว่าเป็นกระพรวนของกอนสึเกะ ซึ่งดูแลบ่อตกตะพาบน้ำ โนบิตะตกตะพาบน้ำได้และเข้าไปอยู่ในกระเป๋า 4 มิติของโดราเอมอน ทำให้หยิบอะไรจากกระเป๋าไม่ได้เลย ต่อมาเคิร์ธพามาชมหุ่นยนต์สายตรวจรุ่นแรกซึ่งเป็นอันตรายเลยต้องล่ามโซ่ไว้ และปัจจุบันหุ่นยนต์สายตรวจใช้ลูกบอลสายตรวจแทน ระหว่างที่ทุกคนกำลังออกไปหออื่น หุ่นยนต์สายตรวจนี้มีกล้องที่จับภาพอยู่ด้วยและสามารถดูได้จากห้องทำงานของดอกเตอร์เป็ปเปลอร์ ต่อมาเคิร์ธพาไปยังหออวกาศ ซึ่งมีของวิเศษที่ใช้ในอวกาศหลากหลายชนิด รวมถึงรถจักรไอน้ำซึ่งมีมาก่อนประตูไปที่ไหนก็ได้ด้วย (ซึ่งหอนี้เวลาเข้ามาต้องกินชุดอวกาศชนิดรับประทานก่อนเสมอ) ต่อมาเคิร์ธพาทุกคนไปยังหอต่าง ๆ อีกหลายหอ ส่วนดอกเตอร์เป็ปเปลอร์ที่ใกล้จะทำงานวิจัยสำเร็จ ถูกขัดจังหวะโดยจินเจอร์ หลานของเขา เพราะทำห้องรกและถึงเวลาน้ำชา ต่อมาเคิร์ธพามายังหอของอะไรก็ได้ที่มีของวิเศษหลายอย่าง และเนื่องจากเวลาน้ำชา จินเจอร์จึงเรียกให้เคิร์ธมาหา ที่หอนี้มีประตูเข้าไปยังหอแสง แต่ปิดไม่ให้เข้าเนื่องจากถูกจอมโจร DX (ดีลักซ์) ขโมยไฟฉายขยายส่วน และกลุ่มตำรวจกำลังตรวจหาเบาะแส นำโดยสารวัตรมัสตาร์ด ทุกคนจึงถามหาเบาะแส โดยสารวัตรได้เล่าว่า ได้ข่าวมาว่าพิพิธภัณฑ์นี้มีกลุ่มคนลึกลับอยู่และขโมยของต่าง ๆ อยู่เสมอ โดยได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่หลาย ๆ คน รวมถึงผู้อำนวยการไฟคัสด้วย ตอนกลางคืนจะได้ยินเสียงฝีเท้า แต่ไม่พบใครเลย ระหว่างที่ทุกคนกำลังเที่ยวเล่น ไจแอนท์และซึเนะโอได้หลงเข้าไปในอุโมงค์กัลลิเวอร์ ทำให้ตัวเล็กลง และอุโมงค์ถูกยกไปซ่อมอีก ทางฝั่งดอกเตอร์เป็ปเปลอร์ เขาได้เล่าถึงเรื่องความคืบหน้าในการวิจัยโลหะเป็ปเปลอร์ที่กำลังจะสำเร็จ เพื่อให้เป็นโลหะในการสร้างของวิเศษในอนาคตและสามารถแปลงโลหะทุกขนิดเป็นโลหะเป็ปเปลอร์ได้ ส่วนไจแอนท์และซึเนะโอะตกลงไปในท่อ และโดนหุ่นยนต์ทำความสะอาดไล่ตาม จนตกมายังท่อระบายน้ำ และมาเจอหุ่นยนต์สายตรวจอีกตัว ส่วนโดราเอมอนและเพื่อน ๆ ค้นพบทางลับไปโผล่ทางเดินในชั้นใต้ดินของพิพิธภัณฑ์ และเมื่อลงมาแล้ว จินเจอร์ เปิดประตูออกมาเพื่อจะไปหานมให้ดอกเตอร์เป็ปเปลอร์มาเห็นเข้า จึงบอกให้เคิร์ธรู้ว่าแขกของเขากระจายกันไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้กันหมดแล้ว ส่วนไจแอนท์และซึเนะโอะมุดท่อมาเจอห้องทำงานของผู้อำนวยการไฟคัสที่ขาดอะไรบางอย่างอีก 4 ชิ้น ต่อมาโดราเอมอนและเพื่อน ๆ มาเจอห้องดวงอาทิตย์เทียม และโนบิตะไปล้ำเส้นทำให้สัญญาณเตือนภัยดังขึ้น ผู้อำนวยการจึงออกมาดูและพบว่าเป็นโดราเอมอนและเพื่อน ๆ หลงทางมา เพราะเคิร์ธโดดงานไกด์ โดยดวงอาทิตย์เทียมเป็นของวิเศษที่ดอกเตอร์ฮาร์ทแมนและดอกเตอร์เป็ปเปลอร์ร่วมกันผลิตขึ้น แต่ดอกเตอร์เป็ปเปลอร์ทำผิดพลาดทำให้ดวงอาทิตย์โต ดอกเตอร์ฮาร์ทแมนสามารถหยุดยั้งดวงอาทิตย์ได้ แต่ดอกเตอร์เป็ปเปลอร์ถูกตัดสิทธิ์ใบอนุญาตและถูกเนรเทศออกจากเกาะ ส่วนดอกเตอร์ฮาร์ทแมนได้ค้นพบเหล็กไหลซ่งเป็นโลหะที่เอาไปทำของวิเศษในอนาคต และคนในพิพิธภัณฑ์ไม่ทราบว่าดอกเตอร์เป็ปเปลอร์อยู่ที่ไหน (แต่ที่จริงเขาอยู่ในพื้นที่ลึกลับของพิพิธภัณฑ์ของวิเศษ) ส่วนเคิร์ธที่โดดงานไกด์ถูกผู้อำนวยการดุ และทำให้แขกหลงทางมาถึงชั้นใต้ดิน และไจแอนท์และซึเนะโอะเพิ่งออกมาจากท่อระบายอากาศ โดราเอมอนพยายามจะหยิบไฟฉายขยายส่วนแต่ก็โดนตะพาบน้ำกัดอยู่ จึงทำอะไรไม่ได้เลย โดราเอมอนเข้าใจความรู้สึกของโนบิตะกับคำว่าไม่ได้เรื่องเพราะตอนนี้เขาทำอะไรไม่ได้เลย หลังจากพิพิธภัณฑ์ปิดแล้ว เคิร์ธได้พาเพื่อน ๆ ไปนอนที่บ้านของเขา (จากคำสั่งของผู้อำนวยการ)
แนะนำของวิเศษของเคิร์ธ และความทรงจำของกระพรวน[]
ก่อนที่จะกลับบ้าน เคิร์ธได้ก๊กกรูคืนมา และเมื่อถึงบ้านของเขา เขาได้นำของวิเศษของเขา (ที่ไม่สมประกอบ) มาให้ดู ชิ้นแรกเป็น "ไฟฉายขยายเฉพาะส่วน" ทำให้บางส่วนขยายใหญ่ขึ้นมา ชิ้นต่อมาคือ โปปอง ซึ่งเป็นของวิเศษที่เกิดจากความผิดพลาด เขาจึงผสมส่วนประกอบของของวิเศษที่จะสร้าง โดยของวิเศษของเคิร์ธทั้งหมดไม่ได้ทำมาจากเหล็กไหลเพราะไม่มีใบอนุญาต ชิ้นต่อมาคือ "เครื่องดูดฝุ่นพลังสูง" สามารถดูดทุกอย่างได้เหมือนหลุมดำ ที่พิพิธภัณฑ์ของวิเศษ ดอกเตอร์เป็ปเปลอร์ถูกจินเจอร์ว่าเพราะมีชิ้นส่วนของวิเศษอยู่ในถาดอาหาร และจะเอาเครื่องสร้างโลหะเป็ปเปลอร์ไปขาย แต่ดอกเตอร์ต้องการสร้างโลหะแห่งอนาคตเพื่อให้คนยอมรับในตัวเขา แม้ว่าเป็ปเปลอร์จะทำให้เกิดเหล็กไหลจากความผิดพลาด แต่เขากลับไม่ได้รับการยอมรับ กลายเป็นดอกเตอร์ฮาร์ทแมนเองที่ถูกจารึกชื่อในการค้นพบเหล็กไหล แต่พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะขนาดหลานสาวยังไม่เห็นถึงความเก่งกาจของเขาเลย
เวลาอาหารเย็น ที่บ้านของเคิร์ธ เขาได้เอา "ผ้าคลุมโต๊ะอาหารเกรด B" ออกมา ซึ่งจะต้องสั่งอาหารเกรดที่รองลงมาไม่อย่างนั้นจะได้เฉพาะวัตถุดิบ จากนั้นโปปองดูดเนื้อในสับปะรดทั้งหมดและหายไปเลย เพราะโปปองคือซากของสิ่งที่เป็นส่วนประกอบของปืนดูดเนื้อในที่ต้องการจะอัปเกรดให้ได้ผลผลิต 2 เท่า แต่โปปองดันทำให้หายไปแทน ไจแอนท์ไปว่าโปปองเป็นของห่วย ๆ เลยโดนดูดข้าวหน้าหมูทอดที่สั่งไปหมดทั้งชาม และเนื่องจากกินมากเกินไปทำให้โปปองเสีย ต้องรีบซ่อม
คืนวันนั้นโดราเอมอนฝันถึงเหตุการณ์ในความหลังเกี่ยวกับกระพรวน แรกเริ่มนั้นโดราเอมอนถูกส่งมาโดยเซวาชิเพื่อมาทำให้โนบิตะดีขึ้น และทั้งสองก็ได้เป็นเพื่อนกันมาตลอด มีอยู่วันหนึ่งที่โดราเอมอนไปฝึกเบสบอลกับโนบิตะ ซึ่งโนบิตะไม่เอาไหนทุกเรื่องและไม่มีความอดทน โดราเอมอนจึงฉุดรั้งไม่ให้โนบิตะกลับ และพลาดไปปัดกระพรวนตกท่อระบายน้ำ ต่อมาโนบิตะตามหากระพรวนอันนั้นอยู่นานมากจนโดราเอมอนบอกให้ตัดใจ สุดท้ายกระพรวนอยู๋ในรองเท้าที่เปื้อนโคลน กระพรวนอันนั้นจึงเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นเพื่อนกันอย่างลึกซึ้ง และโดราเอมอนได้รู้ว่าคนที่ไม่ได้เรื่องอะไรเลยอย่างโนบิตะก็มีข้อดีกับเขาเหมือนกัน คือความรักเพื่อนเท่าชีวิต
ต่อมาโนบิตะตื่นมาเข้าห้องน้ำ เชาเห็นไฟที่ห้องทำงานของเคิร์ธเปิดอยู่ เคิร์ธได้ซ่อมโปปองจนสำเร็จ ทั้งสองเลยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน โดยทั้งโนบิตะละเคิร์ธก็มีข้อดีทั้งคู่ แต่โนบิตะอาจจะมองข้อดีของตัวเองไม่เห็น (แต่เพื่อนเห็นได้ชัด) ส่วนเคิร์ธรู้ข้อดีของตัวเองที่ว่ามีความพยายามและตั้งใจในสิ่งที่ชอบจากอาจารย์ของเขา ดอกเตอร์เป็ปเปลอร์ เคิร์ธจึงมีความฝันว่าจะต้องสร้างของวิเศษไปจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ของวิเศษให้ได้
ศึกแรกกับดีลักซ์[]
วันต่อมาผู้อำนวยการไฟคัสปิดทำการพิพิธภัณฑ์กะทันหันเพราะมีสาสน์เตือนจากจอมโจร DX (ดีลักซ์) ว่าจะมาขอรับของวิเศษชิ้นสำคัญไปในเวลาเที่ยงวัน ซึ่งการขโมยทุกครั้งของ DX (ดีลักซ์) จะมีสาสน์เตือนล่วงหน้าเสมอ ไม่เว้นแม้แต่กระพรวนของโดราเอมอน ซึ่งโนบิตะเก็บสาสน์เตือนเอาไว้ ทุกคนจึงเข้าร่วมการสืบหาจอมโจร DX (ดีลักซ์) ของสารวัตรมัสตาร์ด โดยเริ่มแรก แว่นขยายของโนบิตะชี้ว่าจอมโจร DX (ดีลักซ์) จะมาที่หอของอะไรก็ได้ แต่ของเคิร์ธบอกว่ามาที่หอธรรมชาติ สารวัตรจึงแนะนำให้เฝ้าหอทั้งหมดโดยเน้นสองหอนั้น โดราเอมอนและเพื่อน ๆ จึงเตรียมรับมือการบุกของจอมโจร DX (ดีลักซ์) ที่หอของอะไรก็ได้ ส่วนผู้อำนวยการไฟคัสไปเฝ้าหอธรรมชาติ
เคิร์ธขอตัวออกไปจากหอก่อนและไปที่ห้องทำงานของดอกเตอร์เป็ปเปลอร์ และกลับมาอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงเวลาเที่ยงวัน จอมโจร DX (ดีลักซ์) มาที่หอของอะไรก็ได้ ส่วนที่หอธรรมชาติมีการใช้ถั่วไล่ยักษ์ออกไปข้างนอก จอมโจร DX (ดีลักซ์) ใช้ของวิเศษต่าง ๆ มากมายโดยเริ่มจากใช้สเปรย์เพื่อสลบบอลสายตรวจก่อน และหอของอะไรก็ได้ถูกบาเรียปิดกั้นไว้ ไม่สามารถเข้าไปได้ ต่อมาสารวัตรมัสตาร์ดดวลของวิเศษกับ DX (ดีลักซ์) แต่ DX (ดีลักซ์) สามารถแก้เกมได้ตลอด จอมโจร DX (ดีลักซ์) จึงใช้กองกำลังที่สั่งการไว้แล้วโจมตี และชิงของวิเศษบางอย่างไปก่อนที่จะหายตัวไป ของวิเศษที่หอธรรมชาติไม่ถูกขโมยเลย สารวัตรจึงสงสัยการกระทำของผู้อำนวยการมากขึ้น โนบิตะจึงนำแว่นขยายมาช่วยหาเบาะแสของจอมโจร DX (ดีลักซ์) และพบว่ามีประตูกำลังหมุน ส่วนของวิเศษที่ถูกขโมย คือ กระจกเพิ่มจำนวน, เครื่องเตือนเหตุร้ายรูปแมลง, สวิตช์เผด็จการ และ มือช่วยชีวิต รวมถึงของวิเศษอีก 2 อย่างที่ถูกขโมยไปก่อนหน้า คือ ไฟฉายขยายส่วน และ กระพรวนของโดราเอมอน ซึ่งจุดเชื่อมกันคือ โรงงานผลิตหุ่นยนต์มัสสุชิบะ ซึ่งเป็นโรงผลิตและซ่อมของวิเศษด้วย และวันส่งซ่อมของวิเศษทั้ง 6 ชิ้น คือวันเดียวกันทั้งหมด และเป็นวันที่ดอกเตอร์เป็ปเปลอร์ถูกจับกุมอยู่ที่นั่นด้วยเพราะลักลอบเข้าไปทำอะไรบางอย่างในโรงซ่อมของวิเศษ ต่อมา ไม้เท้าได้ชี้ไปที่เสาต้นหนึ่งซึ่งมีรูปบันได เป็นทางลับที่อาจจะไปยังที่ซ่อนของดอกเตอร์เป็ปเปลอร์ได้ ดอกเตอร์รู้ตำแหน่งของทุกคน จึงได้ทำให้กำแพงเลื่อนขึ้นมาขังโดราเอมอนและเพื่อน ๆ และนำหัวกอร์กอนขนาดยักษ์มาทำให้ทุกคนแข็งเป็นหิน โดยโปปองได้แข็งเป็นหินไปแล้ว ส่วนโนบิตะและชิซุกะพยายามเอาของจากกระเป๋าของโดราเอมอนมาใช้ และได้กระจกเงาทำให้หัวกอร์กอนแข็งเป็นหินเอง จากนั้นพวกเขาเดินไปต่อยังห้องถัดไป โดยเคิร์ธได้ทำจอบอกตำแหน่งตกเอาไว้ด้วย ทางฝั่งสารวัตรมัสตาร์ด เขาได้ใช้สเปรย์เรียกของกลับบ้านฉีดใส่ถั่วไล่ยักษ์ออกไปข้างนอก เพื่อตามหาเจ้าของ ส่วนโนบิตะและเพื่อน ๆ พบเจอจอมโจร DX (ดีลักซ์) อีกครั้ง และโนบิตะรู้แล้วว่าจอมโจรผู้นี้เป็นใคร ไจแอนท์และซึเนะโอะคิดว่าเป็นผู้อำนวยการไฟคัส แต่จากเบาะแสเรื่องประตูหมุน ซึ่งการหมุนวนมีภาษาญี่ปุ่นว่า クルクル kurukuru ซึ่งออกเสียงใกล้เคียงกับเคิร์ธ (クルト kuruto) และปกติโปปองจะไปเกาะหัวของเคิร์ธ แต่ตอนที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์กลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น และที่สำคัญที่สุด จอบอกตำแหน่ง ปรากฏว่ามีเคิร์ธ 2 คน ดังนั้นจอมโจร DX (ดีลักซ์) ต้องเป็นเคิร์ธแน่นอน และเคิร์ธที่มาด้วยกันตลอด คือหุ่นก๊อปปี้
เปิดเผยความจริง[]
เหตุที่เคิร์ธเป็นศิษย์ของดอกเตอร์เป็ปเปลอร์เนื่องจากเขาไปพบทางลับและมาพบกับห้องวิจัยของดอกเตอร์เป็ปเปลอร์ หลังจากนั้นดอกเตอร์ได้ช่วยสอนการสร้างของวิเศษ โดยดอกเตอร์ได้ทำการวิจัยโลหะเป็ปเปลอร์อยู่ ซึ่งต้องนำของวิเศษจากในโรงซ่อมมาเป็นวัตถุดิบ แต่ตำรวจมาหาตัวเจอทำให้เขาต้องซ่อนไมโครชิป 6 ชิ้นในของวิเศษ 6 ชิ้นที่รอซ่อม หนึ่งในนั้นคือกระพรวนของโดราเอมอน ซึ่งดอกเตอร์ต้องเอากลับมาให้ได้ เคิร์ธจึงร่วมกับดอกเตอร์ทำของวิเศษชิ้นโบว์แดงขึ้นมาเพื่อให้กลายเป็นจอมโจร DX (ดีลักซ์) สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว ส่วนผู้อำนวยการไฟคัส ที่ทำตัวน่าสงสัย เป็นเพราะถั่วไล่ยักษ์ออกไปข้างนอกที่สารวัตรมัสตาร์ดเก็บได้ เมื่อมาถึงแล้วสารวัตรใช้คลื่นไฟฟ้าซื่อตรงทำให้ผู้อำนวยการต้องพูดความจริง ความจริงคือ ผู้อำนวยการมีเงินสดอยู่และซ่อนเอาไว้ เมื่อมีสาสน์เตือนจึงคิดว่าเงินจะถูกขโมย เงินเก็บนั้นเอง ผู้อำนวยการซ่อนเอาไว้ในปลาดายหญ้าที่เป็นกระปุกออมสินจากเครื่องสร้างกระปุกออมสินมนุษย์ จากนั้นผู้อำนวยการออกไปประชุม ระหว่างที่ไม่อยู่นั้น มีบุคคลลึกลับเข้ามาในห้องเพื่อเอาชาฝรั่งไป และเกิดอุบัติเหตุทำให้แสงออกไข่ทำงาน และโดนปลาดายหญ้า ทำให้ปลาดายหญ้าฟักออกมามหาศาล กอนสึเกะเลยใช้โอกาสนี้นำปลาดายหญ้าไปไว้ที่หอธรรมชาติ ทุกคืนผู้อำนวยการจะปิดระบบ 3 นาทีต่อวันเพื่อหาปลาดายหญ้าที่เก็บเงินของเขา และเมื่อเหลือ 4 ตัว สาสน์เตือนจากจอมโจร DX (ดีลักซ์) มา ทำให้ต้องไล่คนทั้งหมดออกไปจากหอธรรมชาติ และผู้อำนวยการสามารถหาปลาดายหญ้าที่ซ่อนเงินไว้ได้สำเร็จ ส่วนการใช้หุ่นก๊อปปี้ มีเพื่อให้ตัวก๊อปปี้ตามประกบเพื่อน ๆ ส่วนตัวจริงไปเป็นจอมโจร DX (ดีลักซ์) เท่านั้น เพื่อให้ความฝันของดอกเตอร์เป็ปเปลอร์ที่จะหาพลังงานแห่งอนาคต จึงต้องไปขโมยของวิเศษเหล่านั้นเพื่อเอาไมโครชิป
ความผิดพลาดของเป็ปเปลอร์[]
ที่ห้องของดอกเตอร์ ดอกเตอร์กำลังใส่ชิปอยู่ ซึเนะโอะไปเจอไฟฉายขยายส่วนทำให้พวกเขาเป็นเหมือนเดิม หลังจากที่ดอกเตอร์ใส่ชิปไป 5 ชิ้น เหลือชิปที่อยู่ในกระพรวนของโดราเอมอนเท่านั้น เมื่อใส่ชิปครบแล้ว แทนที่โลหะของของวิเศษจะกลายเป็นโลหะเป็ปเปลอร์ แต่ดันทำให้ของวิเศษหายแทนและแน่นอน เมื่อของวิเศษที่ทำจากเหล็กไหลหายไป (ของวิเศษที่ไม่ได้ทำจากเหล็กไหลยังอยู่) ทำให้ดวงอาทิตย์ที่อยู่ใต้ดินโตขึ้น และโซ่คล้องหุ่นยนต์สายตรวจรุ่นแรกหายไป ทำให้หุ่นยนต์เกิดอาละวาด!!! และลงมาถึงชั้นใต้ดินซึ่งเป็นห้องเครื่องสร้างดวงอาทิตย์ โดราเอมอนและโนบิตะวิ่งหนีหุ่นยนต์สายตรวจ ส่วนคนอื่น ๆ พยายามหยุดการโตของดวงอาทิตย์ แต่ไม่มีอะไรได้ผลเลย ต่อมาไจแอนท์โยนหูกระต่ายของเคิร์ธให้โดราเอมอน จึงแปลงร่างเป็น "จอมโจรโดลักซ์" เพื่อต่อสู้กับหุ่นยนต์สายตรวจ ถ้าสามารถดึงไมโครการ์ดที่เสียบด้านหลังได้ หุ่นยนต์สายตรวจจะหยุดทำงาน แต่โดราเอมอนไม่สามารถเข้าถึงด้านหลังได้ เคิร์ธจึงให้โนบิตะเอากุ๊กกรูพันเชือกไปมัดเท้าหุ่นยนต์สายตรวจ และให้โดราเอมอนหยิบการ์ดออกเพื่อหยุดการทำงาน แต่ผลปรากฏว่าแผงวงจรโลหะเป็ปเปลอร์ถูกทำลายจากการล้มทับของหุ่นยนต์สายตรวจ และดวงอาทิตย์ก็ยังโตขึ้น โนบิตะคิดออกว่าให้ใช้โปปองดูดดวงอาทิตย์เข้าไปเลย โปปองสามารถดูดดวงอาทิตย์ได้สำเร็จ แต่พิพิธภัณฑ์กำลังถล่ม โชคดีที่เหล็กไหลกลับมา แน่นอน ตะพาบน้ำก็กลับมาด้วย และมันได้เกาะลำแสงคืนสภาพ โดราเอมอนจึงหยิบมาใช้ และใช้ไฟฉายขยายเฉพาะส่วนของเคิร์ธทำให้สามารถทำให้ลำแสงใหญ่ขึ้นกว่าเดิมและมีมากพอที่จะคืนสภาพพิพิธภัณฑ์
หลังจากกลับสู่สภาพเดิมแล้ว ทุกคนช่วยกันหากระพรวนของโดราเอมอน โดยเคิร์ธเจอครึ่งหนึ่งแล้วส่งให้โดราเอมอน ส่วนอีกครึ่งกำลังหาอยู่ ฝั่งผู้อำนวยการและสารวัตร คิดว่าจอมโจร DX (ดีลักซ์) และคนลึกลับ ต้องเป็นเป็ปเปลอร์แน่นอน และกำลังตามล่าตัวอยู่ ส่วนดอกเตอร์แอบโผล่ออกมาเพราะระบบรักษาความปลอดภัยของพิพิธภัณฑ์ใช้กับเขาไม่ได้ผล และดอกเตอร์จะต้องคิดค้นโลหะแห่งอนาคตให้สำเร็จให้ได้ (แต่ครั้งนี้ล้มเหลว) และโนบิตะได้เจอกระพรวนอีกครึ่งหนึ่ง ซึ่งกระพรวนอันนี้ถือเป็นตัวแทนมิตรภาพที่ลึกซึ้งอย่างยิ่งของสองคนนี้ เรื่องราวในการหากระพรวนของทั้งสองนั้นยังจำได้ไม่มีวันลืม จบเรื่องโดยการเชื่อมกระพรวนทั้งสองส่วนเข้าด้วยกัน
ตัวละคร[]
รายชื่อนักพากย์[]
ของวิเศษที่ใช้ภายในเรื่อง[]
- ชุดอุปกรณ์เชอร์ล็อคโฮมส์
- ไปป์ตรงเผง
- ไม้เท้าเรดาร์
- แว่นขยายหาเบาะแส
- ประตูไปที่ไหนก็ได้
- คอปเตอร์ไม้ไผ่
- กล้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
- ปืนใหญ่อัดอากาศ
- ดาบสายฟ้าเด็งโคมารุ
- บ่อตกปลาของคนตัดฟืน
- คัมคัมแคท
- คันเบ็ตมือ
- ชุดอวกาศชนิดรับประทาน
- สีเทียนอากาศ
- ไฟฉายขยายส่วน
- ไฟฉายคืนสภาพ
- หุ่นก๊อปปี้
- มือปืนสั่งล้ม
- หัวกอร์กอน
- สวิตช์เผด็จการ (ของวิเศษ)
- อุโมงค์กัลลิเวอร์
- ออเคสตร้าบิ้วท์อารมณ์
- ยานกู้ชีพอวกาศ
- ขนมปังช่วยจำ
ชื่อในภาษาอื่นๆ[]
- สเปน : Doraemon y Nobita Holmes en el misterioso Museo del Futuro(โดราเอมอนและโนบิตะ โฮมส์ กับพิพิธภัณฑ์อนาคตปริศนา)
เพลง[]
เพลงเปิด : Yume Wo Kanaete Doraemon
- ศิลปิน : MAO ประสานเสียง : ฮิมาวาริคิดส์
เพลงแทรก : Egao wa Himitsu dougu (รอยยิ้มคือของวิเศษ)
- ศิลปิน : Chiaki
เพลงปิด : Mirai No Museum
- ศิลปิน : Perfume
ความแตกต่างระหว่างฉบับภพยนตร์และฉบับหนังสือการ์ตูน[]
เนื่องจากภาพยนตร์ชุดนี้มีฉบับหนังสือการ์ตูนอยู่ในชุด โดราเอมอน มูฟวี่ สตอรี่ ดังนั้นความแตกต่างจึงมีเป็นจำนวนมาก จึงนำเฉพาะส่วนที่สำคัญมาอยู่ในส่วนนี้ และแต่ละหัวข้อมีการเรียงลำดับตามภาพยนตร์เรียบร้อยแล้ว
- ความฝันของโนบิตะตอนเปิดเรื่อง
- ฉบับมังงะ: โดราเอมอนรับบทเป็นจอมโจรลูแปง และตื่นตอนที่หงายหลังจากเก้าอี้ เขายังดึงเทคไทของคุณครูอีกด้วย
- ฉบับภาพยนตร์: โดราเอมอนไม่ได้รับบทนี้ และตื่นตอนที่หงายหลังจากเก้าอี้ แต่ไม่ได้ดึงเนคไทของคุณครู
- ของที่โดราเอมอนใส่แทนกระพรวน
- ฉบับมังงะ: โดราเอมอนติดเลมอนตลอดทั้งเรื่องจนเจอกระพรวน
- ฉบับภาพยนตร์: ของที่ใส่แทนกระพรวนถูกเปลี่ยนตลอดทั้งเรื่อง โดยเริ่มจากเลมอน ตามด้วยลูกเทนนิส โบว์หูกระต่าย ผลส้ม พริกหยวก และดอกไม้
- ที่มาและลักษณะของตั๋วไปพิพิธภัณฑ์ของวิเศษ
- ฉบับมังงะ: โดราเอมอนซื้อตั๋วด้วยตัวเอง โดยโนบิตะต้องยกเงินค่าขนมทั้งเดือนของเขา ตั๋วแต่ละใบสำหรับ 1 คนเท่านั้น นอกจากนี้ โดรามีไม่ปรากฏตัวในฉบับมังงะอีกด้วย
- ฉบับภาพยนตร์: เป็นตั๋วของโดรามี โดยโดราเอมอนต้องซื้อขนมปังเมลอนให้ 20 ชิ้น ตั๋ว 1 ใบ สำหรับหมู่คณะได้ไม่เกิน 5 คน
- การปิดของหอแสง: เนื่องจากไฟฉายขยายส่วนถูกขโมย หอแสงจึงต้องปิดบริการ โดยมีสาระที่ต่างกัน
- ฉบับมังงะ: เคิร์ธเป็นผู้อธิบายว่าทำไมหอแสงถึงถูกปิด
- ฉบับภาพยนตร์: สารวัตรมัสตาร์ดปรากฏตัวออกมาจากหอแสงและเล่าว่าที่ต้องปิดเป็นเพราะไฟฉายขยายส่วนถูกขโมย
- การโตของดวงอาทิตย์เทียม
- ฉบับมังงะ: ดอกเตอร์เป็ปเปลอร์โปรแกรมผิดพลาด
- ฉบับภาพยนตร์: ดอกเตอร์เป็ปเปลอร์ทำกาแฟหกใส่แผงควบคุมทำให้ไม่สามารถควบคุมการโตของดวงอาทิตย์ได้
- ความหลังของกระพรวนของโดราเอมอน
- ฉบับมังงะ: โนบิตะอยากได้ของวิเศษที่ทำให้เล่นเบสบอลเก่งขึ้น แต่โดราเอมอนบอกให้ไปฝึกซ้อมโดยมาร่วมซ้อมด้วย โนบิตะทำอะไรก็ห่วยจนจะเลิกกลางคันแต่โดราเอมอนไม่ให้กลับ ทั้งสองจึงทะเลาะกันและกระพรวนของโดราเอมอนตกท่อระบายน้ำไป และกลับไปโลกอนาคต โนบิตะงมกระพรวนจนเจอและเอากลับมาที่บ้านพร้อมจดหมายขอบคุณให้โดราเอมอน โดราเอมอนจึงรู้ว่าแม้ว่าโนบิตะจะทำอะไรไม่ได้ดีเลย แต่เขาเป็นคนรักเพื่อนเท่าชีวิต กระพรวนอันนี้จึงเป็นสัญลักษณ์ของความรักของสองคนนี้
- ฉบับภาพยนตร์: ลักษณะคล้ายคลึงกัน แต่โดราเอมอนเฝ้ารออยู่ด้วยระหว่างที่โนบิตะงมหากระพรวน
- การซ่อมของวิเศษของเคิร์ธในคืนนั้น
- ฉบับมังงะ: เขาซ่อมกุ๊กกรูที่ไม่สามารถบินได้อย่างสมดุล
- ฉบับภาพยนตร์: เขาซ่อมโปปองที่เสียจากการกินข้าวหน้าหมูทอดของไจแอนท์
- การปรากฏตัวของจอมโจร DX (ดีลักซ์)
- ฉบับมังงะ: ดีลักซ์ปรากฏตัวอยู่ที่ด้านนอกของพิพิธภัณฑ์ก่อนที่จะกระโดดลงมาตรงช่องแสง
- ฉบับภาพยนตร์: เขาปรากฏตัวลงมาที่หอของอะไรก็ได้
- การปรากฏตัวของดอกเตอร์เป็ปเปลอร์ในโรงซ่อมของวิเศษ
- ฉบับมังงะ: ดอกเตอร์เป็ปเปลอร์รีบใส่ชิปในของวิเศษหกชิ้นหลังจากสัญญาณเตือนภัยดัง จากนั้นสะกดจิตยามแล้วหนีออกไป
- ฉบับภาพยนตร์: เขาถูกจับกุมในโรงซ่อมของวิเศษ
- การขัดขวางโดราเอมอนแลเพื่อน ๆ ไม่ให้เข้ามาที่ห้องทำงานของตัวเองของดอกเตอร์เป็ปเปลอร์
- ฉบับมังงะ: เขาโยนโดราเอมอนและเพื่อน ๆ ออกไปนอกพิพิธภัณฑ์ จากนั้นเคิร์ธได้พาทุกคนกลับไปยังบ้านของเขาเพื่อนำของวิเศษของเขามาใช้ แล้วเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ตอนกลางคืน ต่อมาพวกเขามาเจอจอมโจร DX (ดีลักซ์) อีกครั้งและใช้หัวกอร์กอนสาปเคิร์ธให้กลายเป็นหิน
- ฉบับภาพยนตร์: เขาใช้หัวกอร์กอนเพื่อสาปทุกคนให้เป็นหิน และเลื่อนกำแพงขึ้นมาขังทุกคน เมื่อโดราเอมอนและเพื่อน ๆ เอาชนะหัวกอร์กอนได้แล้วมาเจอจอมโจร DX (ดีลักซ์) ที่อีกห้อง แต่ดีลักซ์ไม่ได้ทำอะไร
- การคาดเดาโฉมหน้าที่แท้จริงของ จอมโจร DX (ดีลักซ์)
- ฉบับมังงะ: ไจแอนท์และซึเนะโอะสงสัยว่าเป็นดอกเตอร์เป็ปเปลอร์
- ฉบับภาพยนตร์: พวกเขาสงสัยว่าเป็นผู้อำนวยการไฟคัส เพราะเป็นผู้ที่ทำตัวน่าสงสัย
- เรื่องราวของผู้อำนวยการไฟคัส
- ฉบับมังงะ: ไม่ได้กล่าวถึง
- ฉบับภาพยนตร์: ที่ผู้อำนวยการทำตัวน่าสงสัยเพราะว่ามีเงินที่เขาซ่อนอยู่ในปลาดายหญ้าของหอธรรมชาติ ทำให้เขาต้องไล่คนออกไปข้างนอกและถูกสารวัตรมัสตาร์ดจับได้
- การเตรียมชิปของดอกเตอร์เป็ปเปลอร์
- ฉบับมังงะ: เขาได้นำชิปออกจากของวิเศษทั้งหมดแล้ว และเตรียมใส่ โดยให้เคิร์ธเป็นผู้ใส่ชิป โดราเอมอนได้กระพรวนกลับคืนมาแล้ว
- ฉบับภาพยนตร์: เขายังไม่ได้เอาชิปออกมาจากกระพรวนของโดราเอมอน และเขาต้องผ่ากระพรวนออกมาเพื่อเอาชิปนั้น
- การถอดไมโครการ์ดออกจากหุ่นยนต์สายตรวจรุ่นแรก
- ฉบับมังงะ: โดราเอมอนใช้เลมอนปาเข้าที่ปากของหุ่นยนต์สายตรวจ จากนั้นโปปองดูดไมโครการ์ดออกมา
- ฉบับภาพยนตร์: โนบิตะใช้กุ๊กกรูของเคิร์ธมัดเท้าหุ่นยนต์สายตรวจ และโดราเอมอนดึงไมโครการ์ดออกมา
- การหยุดดวงอาทิตย์โต
- ฉบับมังงะ: ดอกเตอร์เป็ปเปลอร์รู้สาเหตุว่าเคิร์ธวางชิปสลับตำแหน่ง เมื่อวางชิปถูกตำแหน่งแล้วทำให้เหล็กไหล (ฟูลอีเนอร์จี) กลับมาเหมือนเดิม
- ฉบับภาพยนตร์: เนื่องจากเครื่องควบคุมได้ถูกทำลายลงโดยหุ่นยนต์สายตรวจ โปปองจึงเป็นทางเลือกเดียวที่จะช่วยได้ ต่อมาพิพิธภัณฑ์เกิดถล่มขึ้นมา เหล็กไหลได้กลับมาเหมือนเดิมแล้ว
- ผลของภารกิจของดอกเตอร์เป็ปเปลอร์
- ฉบับมังงะ: สำเร็จ
- ฉบับภาพยนตร์: ล้มเหลว
- การหากระพรวนในฉากจบ
- ฉบับมังงะ: โนบิตะเจอกระพรวนทั้งอันแล้วมอบให้โดราเอมอน
- ฉบับภาพยนตร์: เคิร์ธหากระพรวนเจอครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งโนบิตะหาเจอ และภาพยนตร์จบโดยการเชื่อมกระพรวนทั้งสองส่วน
เกร็ด[]
- เป็นครั้งแรกในการ์ตูนชุดโดราเอมอนที่มีการเปิดเผยประวัติและที่มาของ ของวิเศษ รวมถึงมีประตูไปที่ไหนก็ได้และคอปเตอร์ไม้ไผ่รุ่นแรก ๆ ให้เห็นในเรื่องด้วย
- มีผู้ชมโดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ครบทั้ง 100 ล้านคนในช่วงที่โดราเอมอนตอนนี้เข้าฉายพอดี นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปี 1980
- ในฉบับหนังสือการ์ตูน โดรามี และ สารวัตรมัสตาร์ด ไม่ปรากฏตัว
รูปภาพ[]
วีดีโอ[]
|